ชีวะประวัติและผลงาน ของ โจเซฟ โคซูต

ชีวประวัติโดยสังเขป

โคซูตเกิดเมื่อปีค.ศ. 1945 ในเมืองโทลีโด (Toledo) รัฐโอไอโอ สหรัฐอเมริกา มีบิดาเป็นชาวฮังการีและมารดาที่มีเชื้อสายฝรั่งเศส อังกฤษ และเชอโรกีผสมกัน[1] ได้รับการศึกษาจากโรงเรียนแห่งพิพิธภัณฑ์และการออกแบบโตเลโดในบ้านเกิด (Toledo Museum School of Design) ตั้งแต่ปี ค.ศ.1955-1962 และมีการเรียนการสอนเป็นการส่วนตัวกับจิตรกรชาวเบลเยียม ไลน์ บลูม เดรฟเปอร์ (Line Bloom Draper) ตั้งแต่ปี ค.ศ.1963-1964[2]ซึ่งภายหลังจากนั้นเขาก็ได้รับศึกษาต่อที่สถาบันทางศิลปะแห่งคลิฟแลนด์ (Cleveland Art Institute)[3]

ในปี ค.ศ.1965 โคซูตย้ายมาศัยอยู่ที่นิวยอร์กเพื่อเข้าศึกษาในโรงเรียนวิชาทัศนศิลป์ (School of Visual Arts)ซึ่งต่อมาอีกไม่นานหลังจากนั้นผลงานของเขาก็เริ่มแสดงให้เห็นถึงศิลปะเชิงแนวคิดซึ่งเริ่มเป็นที่รู้จักครั้งแรกในปี ค.ศ.1967 จากงานนิทรรศการที่เขาร่วมก่อตั้ง ซึ่งรู้จักกันในชื่อ Museum of Normal Art[4]ซึ่งมีเค้าสำคัญจากผลงานที่มีชื่อเสียงที่ทุดของเขา One and Three Chairs เมื่อปี ค.ศ. 1965 ต่อมาในปี ค.ศ.1969 โคซูตเริ่มจัดนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกที่แกลลอรี่ของ ลีโอ คาสเตลลี่ (Leo Castelli Gallery) ในนิวยอร์ก[5]และในปีเดียวกันเขาได้กลายเป็นบรรณาธิการของวาสารทางศิลปะและภาษาของอเมริกัน (Art & Language) และในปีเดียวกัน เขาได้จัดนิทรรศการทางศิลปะกว่า 15 แห่ง ซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกันใน 15 พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ทั่วโลก

จากปี ค.ศ.1971-1972 โคซูตเริ่มศึกษาความรู้ทางด้านมานุษยวิทยาและปรัชญาจากโรงเรียนทางด้านการวิจัยทางสังคม (The New School for Social Research - NSSR) ที่เมืองนิวยอร์ก โดยโคซูตมีความสนใจเกี่ยวกับปรัชญาของ ลุดวิก วิทเกนสไตน์ (Ludwig Wittgenstein) ซึ่งนำไปสู่การพัฒนางานของเขาที่มีมากขึ้นตั้งแต่ทศวรรษที่ 1960-1970 เขาสำรวจความคิดภาษาที่มีความเฉพาะในความสัมพันธ์กับตัวเอง เช่น Neon Electrical Light English Glass Letters Red Eight เป็นต้น[6]

ในปี 1973 พิพิธภัณฑ์ศิลปะลูเซิร์น (Kunstmuseum Luzern) ได้นำเสนอผลงานสำคัญของเขาที่ได้รับการจัดแสดงไปทั่วยุโรป นอกจากนี้เขายังได้รับเชิญให้ไปจัดแสดงผลงานที่ Documenta V , VI , VII และ IX (1972, 1978, 1982, 1992) และใน Biennale di Venezia ในปี 1976, 1993 และ 1999 และเมื่อเร็วๆนี้ เขาได้จัดแสดงผลงาน II Linguaggio dell’Equilibrio / The Language of Equilibrium ขึ้นที่มัสยิดกลางกลุ่มนักบวชเมคฮิตาเรียน (Mekhitarian Order) บนเกาะ San Lazzaro degli Armeni เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี ซึ่งงานชี้นถูกนำเสนอต่อมาในปี ค.ศ 2007 ที่ Biennale di Venezia

รางวัลและความสำเร็จ

ความสำเร็จของโคซูตทำให้เขาได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติ เช่น รางวัลจากมูลนิธิ Cassandra Grant ในปี 1968 (โคซูตได้รับรางวัลดังกล่าวตอนอายุ 23 ปี และคัดเลือกโดยมาร์แชล ดูชอง 1 สัปดาห์ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต)รางวัล Brandeis Award ในปี 1990 รางวัล Frederick Weisman Award ในปี 1991 รางวัล the Menzione d’Onore ที่ Venice Biennale ในปี 1992 และรางวัล the Chevalier de I’ordre des Arts et des Lettres จากรัฐบาลฝรั่งเศสในปี 1993 ในเดือนมิถุนายน ปี 1999 เพื่อเป็นเกียรติแก่โคซูต รัฐบาลฝรั่งเศสได้ออกจำหน่ายแสตมป์ราคา 3 ฟรังก์เป็นรูปผลงาน Figeac ของเขาเอง ในปี 2001 เขาได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมาศักดิ์ในสาขาปรัชญาและจดหมายจากมหาวิทยาลัยโบโลญา ประเทศอิตาลี เดือนตุลาคมปี 2003 เขาได้รับเกียรติสูงสุดจากสาธารณรัฐออสเตรีย โดยทางรัฐบาลได้มอบเครื่องอิสริยาภรณ์กิตติคุณแห่งสาธารณรัฐออสเตรีย (the Decoration of Honour in Gold for services to the Republic of Austria) สำหรับความสำเร็จทางด้านวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม และในเดือน พฤษภาคม ปี 2012 เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นส่วนหนึ่งของราชบัณฑิตยสภาของประเทศเบลเยี่ยม (Royal Belgian Academy.)


แหล่งที่มา

WikiPedia: โจเซฟ โคซูต http://www.nytimes.com/1990/12/17/arts/at-brooklyn... http://www.skny.com/artists/joseph-kosuth/ http://radicalart.info/concept/tautology/kosuth/in... http://www.culturenorthernireland.org/article.aspx... http://www.guggenheim.org/new-york/collections/col... http://www.theartscouncil.org/artists/joseph-kosut... http://en.wikipedia.org/wiki/Decoration_of_Honour_... http://en.wikipedia.org/wiki/Joseph_Kosuth http://www.tate.org.uk/art/artists/joseph-kosuth-1... https://artsy.net/artist/joseph-kosuth